ทุกข์มาซบจึงพบธรรม
คนเรา เมื่อทุกข์เข้ามาทัก จะเริ่มรักตัวเองมากขึ้น ไม่เจ็บป่วย การไปโรงพยาบาล หรือ การดูแลใส่ใจตัวเองก็ทำแบบขอไปที และมักได้ยินจนชินว่า “ไม่มีเวลาไปหาหมอ” ทว่าพอป่วยไข้งานยุ่งแค่ไหนก็สามารถเจียดเวลาอย่างไร้ข้ออ้าง แม้จะฟังดูสมเหตุสมผลก็ตาม เพราะสังขารมันจวนพังเต็มที
ทุกข์ภายใน – สุขภาพจิตได้รับผลกระทบด้วยเรื่องครุ่นคิดจนลำดับก่อนหลังได้ยาก
ทุกข์ภายนอก – ความทรุดโทรมของเรือนกาย และการเกี่ยวข้องกับคนอื่นถึงขั้นทะเลาะวิวาทกัน
เมื่อทุกข์ทั้งสอง (ร่างกายและจิตใจ) มาซบ มาซุก มาบุกรุก ให้รู้สึกไม่ผ่อนคลาย ไม่วางใจ ไม่สงบนิ่งราวกับว่ามีมดตัวเล็ก ๆ คอยไต่เล่นไปตามแขนขาให้รู้สึกเหมือนมีอะไรกวนใจไม่สิ้นสุด เราจะมีคำถามปรากฎขึ้นในหัวทันที่ว่า “ซวยแล้วละสิ?”
เห็นทุกข์ (เข้าใจสภาพที่ปรากฎอย่างไร้ข้อกังขา) เห็นธรรม (วิธีการตั้งรับ และยอมรับ ตามด้วยปรับความรู้สึกให้คล้อยตาม มากกว่าขัดขืน) เท่าเปิดโอกาสให้ตนเองได้เรียนรู้การเปลี่ยนผ่านของสรรพสิ่ง แล้วยืนยันตามข้อเท็จจริงนั้น เลี่ยงการโจทย์ขาน หรือการผลักไสข้อบกพร่องของตนให้ “โชควาสนาเป็นแพะแทน” ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ฉะนั้น ทุกข์ใด ๆ มาซบหรือมากระทบ ควรพินิจให้เห็นชัด ลุ่มลึกในความเป็นธรรมดา เพราะเป็นการคุ้มครองความรู้สึกของตัวเองและรักษาสภาพจิตใจ มิให้สั่นไหวจนกลายเป็นความหวั่นใจ แม้ผลลัพธ์จะยังยึดเยื้อก็ตาม